เมนู

ทราบว่า ท่านพระวัตถุทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบวัตถทายกเถราปทาน

67. อรรถกถาวัตถทายกเถราปทาน


อปทานของท่านพระวัตถทายกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปกฺขิชาโต
ตทา อสึ
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี บังเกิดในกำเนิดแห่งสุบรรณ
(ครุฑ) เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี กำลังเสด็จไปสู่
ภูเขาคันธมาทน์ มีใจเลื่อมใส ละเพศสุบรรณ นิมิตเป็นเพศมาณพน้อย ถือ
เอาผ้าทิพย์มีค่ามาก บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงรับแล้วตรัสอนุโมทนาแล้วเสด็จหลีกไป. ท่านให้กาลล่วงไปด้วย
โสมนัสนั่นเอง ดำรงอยู่จนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้น แล้วบังเกิดใน
เทวโลก ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ ในเทวโลกนั้น เสวยบุญทั้งหลาย จากนั้น
เสวยมนุษยสมบัติในมนุษย์ จากอัตภาพที่ตนเกิดนั้น ได้ผ้าและเครื่อง
อาภรณ์มีค่ามากในที่ทั้งปวงด้วยประการฉะนี้ แล้วอยู่ในที่ ๆ ตนไปถึงแล้ว
ด้วยเงาผ้าในภพที่คนเกิดแล้ว ๆ ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือน
มีตระกูลแห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา บวชแล้ว
ไม่นานนักก็ได้บรรลุอภิญญา 6 เป็นพระขีณาสพ.

ท่านระลึกถึงบุพกรรมของคน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพ-
จริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า ปกฺขิชาโต ตทา อาสึ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปกฺขิชาโต ความว่า ชื่อว่า ปักขะ (ปีก)
เพราะเป็นเครื่องแล่นไป คือบินไปแห่งนก. ชื่อว่า ปักขี เพราะนกนั้นมีปีก
อธิบายว่า เกิดคือบังเกิดในกำเนิดแห่งนก. บทว่า สุปณฺโณ ความว่า
ปีกของนกในดี นกนั้นชื่อว่า มีปีกดี. อธิบายว่า นกนั้นมีปีกอันรุ่งเรื่อง
ด้วยสีทองสำหรับรับลมเป็นภาระใหญ่. บทว่า ครุฬาธิโป ความว่า
ชื่อว่าครุฬะ (ครุฑ-สัตว์ผู้จับงู) เพราะกลืนกินซึ่งแผ่นหินอันหนักเพื่อ
ต้องจับนาค, ชื่อว่า ครุฬาธิโป เพราะเป็นราชาธิบดีแห่งครุฑทั้งหลาย.
เชื่อมความว่า เราได้เห็นท่านผู้ปราศจากธุลี คือพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
จบอรรถกถาวัตทายกเถราปทาน

อัมพทายกเถราปทานที่ 8 (68)


ว่าด้วยผลการถวายมะม่วงสุก


[70] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ผู้ไม่มีมีอุปธิ
ประทับนั่งอยู่ ณ ระหว่างภูเขา ได้ทำการแผ่เมตตาไปในโลก
อันมีสัตว์หาประมาณมิได้.

ในกาลนั้น เราเป็นพญาวานรอยู่ที่ภูเขาหิมวันต์อันสูงสุด
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้มีพระคุณไม่ทราม ผู้ยิ่งใหญ่ จึงยังจิต
ให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า.

เวลานั้นต้นมะม่วงกำลังเผล็ดผล มีอยู่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์
เราได้ไปเก็บผลมะม่วงสุกจากต้นนั้นมาถวายพร้อมด้วยน้ำผึ้ง.

พระมหามุนีพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงพยากรณ์
เรานั้นว่า ด้วยการถวายน้ำผึ้ง และด้วยการถวายน้ำมะม่วง
ทั้งสองนี้ ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด 57 กัป ในกัป
ทั้งหลายที่เหลือ จักท่องเที่ยวสับเปลี่ยนกันไป.

จักใช้กรรมอันลามกให้สิ้นแล้ว เมื่อความเจริญสุกงอม
จักมาจากทุคติมีนิบาตเป็นต้นแล้ว จักเผากิเลสให้ไหม้
หมดไป.

เราเป็นผู้อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ ทรง
ฝึกแล้วด้วยการฝึกอันอุดม เราเป็นผู้ละความชนะและความ
แพ้แล้ว บรรลุถึงฐานะอันไม่หวั่นไหว.

ในกัปที่ 7,700 ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 14 ครั้ง ทุก
ครั้งมีพระนามว่าอัมพัฏฐชยะ มีพละมาก.